เมล็ดมะละกอ ฮอลแลนด์ ฟรีแลนด์ พันธุ์ลูกผสม ให้ผลผลิตเร็ว ติดผลดก ทนต่อการขนส่ง
เมล็ดมะละกอ พันธุ์ฟรีแลนด์ ทีเอ 151
ผลทรงกระบอก มีเนื้อแน่น หนา สีส้มอมแดง ติดผลดก ให้ผลผลิตเร็วผิวเปลือกหนา ทนต่อการขนส่งได้ดี น้ำหนักผลประมาณ 1.5-2.0 กิโลกรัม ความหวานประมาณ 12 บริกซ์
ความงอกร้อยละ 70
น้ำหนัก 0.40 กรัม
จำนวน 20 เมล็ด
แหล่งรวบรวม : ไทย
วิธีเพาะกล้า
การเพาะเมล็ดลงในกระบะทราย วิธีการโดยเตรียมกระบะไม้หรือกระบะพลาสติค ขนาด 40x60x10 เซนติเมตร (กว้างxยาวxสูง) ที่มีรูระบายน้ำด้านล่าง รองด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์หนึ่งชั้น ใส่ทราย (ทรายก่อสร้างที่ร่อนเอาเศษหินและไม้ออกแล้ว) ความหนา ประมาณ 2-3 นิ้ว รดน้ำให้ชุ่ม ทำร่องลึก 1 เซนติเมตร ห่างกันแถวละ 5 เซนติเมตร โรยเมล็ดลงไป (เมล็ดควรจะคลุมด้วยยาออร์โธไซด์) จากนั้นกลบร่อง ใช้เศษฟางข้าวที่สะอาดปิดคลุมไว้ รดน้ำให้ชุ่ม หลังจากเมล็ดเริ่มงอก 3-5 วัน ให้รีบเอาฟางข้าวออก หลังจากหยอดเมล็ดได้ 10-14 วัน ต้นกล้ามีใบเลี้ยง 2 ใบ ให้ถอนย้ายลงปลูกในถุงดินหรือในถาดเพาะต่อไป การรดน้ำในช่วงการเพาะเมล็ดนี้จำเป็นต้องใช้บัวที่มีฝอยละเอียด และรดทุกวันอย่าให้ทรายแห้งเป็นอันขาด
การย้ายกล้าทำได้ 2 วิธีคือ การย้ายกล้าลงในถุงดิน(ถุงเพาะชำ) และการย้ายกล้าลงในถาดเพาะกล้า
วิธีที่ 1 การย้ายกล้าลงในถุงดิน
การย้ายกล้าลงในถุงดิน ให้เตรียมถุงดินโดยใช้ถุงพลาสติค ขนาด 4×4 นิ้ว หรือ 4×6 นิ้ว เจาะรูตรงมุมด้านล่างทั้ง 2 ข้าง เพื่อระบายน้ำ ดินผสมที่ใช้ประกอบด้วย ดิน 3 ปุ้งกี๋ ขี้วัวเก่า 1 ปุ้งกี๋ ปุ๋ยสูตร 0-46-0 1 กำมือ คลุกเคล้าให้เข้ากันและกรอกลงในถุงดิน นำถุงดินไปวางเรียงบนแปลงขนาดกว้าง 1.2 เมตร (เรียงได้ 10-15 ถุง) เพื่อความสะดวกในการปฏิบัติงานและการคลุมต้นกล้า เพื่อป้องกันแสงแดดและฝน จากนั้นรดน้ำให้ชุ่ม นำต้นกล้ามะละกอที่ถอนจากกระบะทรายลงปลูกถุงละ 1 ต้น การย้ายกล้าควรกระทำในตอนเย็นหรือขณะที่แสงแดดน้อย หลังการย้ายกล้าให้รดน้ำตามอีกหนึ่งรอบ ทำหลังคาคลุมด้วยวัสดุที่พลางแสง ทิ้งไว้ 3-4 วัน พอต้นกล้าเริ่มติดและตั้งตัวแข็งแรงก็เริ่มเปิดที่พลางแสงออก แต่ทุกเย็นหรือขณะฝนตกต้องคลุมแปลงกล้าด้วยพลาสติกใสเพื่อป้องกันฝน ควรรดน้ำต้นกล้าทุกวัน และฉีดพ่นสารกำจัดศัตรูพืชเมื่อแมลงมารบกวน ประมาณ 25-30 วัน ก็สามารถย้ายต้นกล้าลงปลูกในแปลงได้
วิธีที่ 2 การย้ายกล้าลงในถาดเพาะกล้า
ให้ใช้ถาดเพาะกล้าพลาสติกสีดำ ที่มีจำนวน 104 หลุม ใส่มีเดีย (วัสดุใช้แทนดิน) ลงให้เต็มช่องหลุมแล้วปรับให้เรียบ รดน้ำให้ชุ่ม นำต้นกล้าที่ถอนออกจากกระบะทรายลงปลูกให้เต็มถาดเพาะ จะเห็นว่าวิธีการใช้ถาดเพาะกล้านี้ง่ายและสะดวก สามารถทำในที่ร่มและเก็บไว้ในที่ร่ม 3-4 วัน แล้วจึงย้ายไปวางเรียงในแปลงกลางแจ้งและทำหลังคาคลุมพลาสติคเพื่อป้องกันฝนตก ดูแลเหมือนวิธีแรก ประมาณ 25-30 วัน ก็สามารถย้ายลงปลูกได้ วิธีนี้จะช่วยในการขนย้ายต้นกล้าไปยังแปลงปลูกได้สะดวกกว่า
การเตรียมแปลงปลูกและการย้ายปลูก
มะละกอ เป็นพืชที่มีระบบรากลึกและกว้าง ควรไถดินให้ลึก ใช้ระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 2-2.5 เมตร ความยาวแล้วแต่พื้นที่ ขุดร่องเป็นรูปตัววี ลึกประมาณหนึ่งหน้าจอบ รองพื้นด้วยปุ๋ยคอก อัตรา 500-1000 กิโลกรัม ต่อไร่ ฟูราดาน อัตรา 2-3 กิโลกรัม ต่อไร่ สารบอแรกซ์ อัตรา 2-3 กิโลกรัม ต่อไร่ ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 50 กิโลกรัม ต่อไร่ โดยโรยลงในร่องตัววี แล้วกลบยกเป็นแปลงนูนรูปโค้งหลังเต่า สูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร คลุมด้วยพลาสติคสีบรอนซ์หรือคลุมด้วยฟางข้าว จากนั้นกำหนดระยะปลูกโดยใช้ระยะห่างระหว่างต้น 1.5-2.0 เมตร แล้วขุดหลุมปลูก รดน้ำหลุมให้ชุ่ม จากนั้นย้ายต้นกล้าลงปลูก ในหลุมปลูกรดน้ำตามอีก 1 รอบ การปลูกระวังอย่าปลูกลึกเกินไปอาจทำให้ต้นกล้าตายได้
การดูแลรักษา
1.การใส่ปุ๋ย
ครั้งที่ 1 ใส่ปุ๋ยรองพื้นขณะเตรียมแปลง สูตร 15-15-15 อัตรา ประมาณ 50 กิโลกรัม ต่อไร่
ครั้งที่ 2 ใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ เช่น ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา ประมาณ 25-30 กิโลกรัม ต่อไร่ โดยการโรยข้างต้น ห่างโคนต้น 30-40 เซนติเมตร แล้วกลบโคนต้น หลังย้ายปลูกประมาณ 1 เดือน
ครั้งที่ 3 หลังจากปลูกประมาณ 3-4 เดือน ใส่ปุ๋ยสูตร 14-14-21 หรือ 13-13-21 อัตรา ประมาณ 25-30 กิโลกรัม ต่อไร่ ผสมกับปุ๋ยคอก เช่น ขี้ไก่ อัตราประมาณ 500 กิโลกรัม ต่อไร่ โดยการโรยที่ร่องแปลงแล้วกลบโคนต้นหรือจะฝังระหว่างต้นก็ได้
2.การให้น้ำ
ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอและเพียงพออย่าให้ขาดน้ำ เพราะถ้ามะละกอขาดน้ำต้นอาจจะชะงักการเจริญเติบโต ไม่ติดดอกออกผล การให้น้ำมะละกอไม่ควรให้น้ำแฉะเกินไป เพราะมะละกอเป็นพืชที่ไม่ชอบน้ำมาก แต่ขาดน้ำไม่ได้
3.การพรวนดินกำจัดวัชพืช
ควรมีการพรวนดินและกำจัดวัชพืช ในช่วงแรกอย่าให้วัชพืชรบกวน และต้องมีการกลบโคนต้นในช่วงหลังปลูกประมาณ 1 เดือน
4.การทำไม้หลัก
เนื่องจากมะละกอเป็นพืชที่มีลำต้นค่อนข้างอวบ ให้ผลผลิตและมีน้ำหนักมาก ดังนั้น จึงจำเป็นต้องทำหลักเพื่อพยุงลำต้นไม่ให้ล้ม
5.การไว้ผลและการตัดแต่ง
การปลูกมะละกอถ้าจะให้ได้คุณภาพผลผลิตที่ดี ควรปลิดผลที่ไม่สมบูรณ์ทิ้ง เพราะนอกจากจะแย่งอาหารแล้ว ยังทำให้ผลผลิตที่ได้ไม่มีคุณภาพ
การเก็บเกี่ยวและการขนย้าย
มะละกอ สามารถเก็บเกี่ยวได้ทั้งผลดิบและผลสุก แล้วแต่ความต้องการของตลาด ถ้าต้องการผลดิบสามารถเก็บเกี่ยวได้หลังจากปลูกประมาณ 5-6 เดือน แต่ถ้าเก็บผลสุก หลังจากปลูกประมาณ 8-10 เดือน จึงจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ ควรเลือกเก็บเกี่ยวผลที่กำลังเริ่มสุกมีสีส้มหรือเหลืองปนเขียว ขณะที่ผลที่ไม่นิ่มหลังจากเก็บเกี่ยวควรห่อผลด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ เพื่อรักษาผิวของผลมะละกอไม่ให้ช้ำและเสียหายได้
เอกสารอ้างอิง : คู่มือการปลูกมะละกอ จัดทำโดย บริษัท เพื่อนเกษตรกร จำกัด