อโลคาเซียฟรายเด็กซ์ ใบกำมะหยี่ (Alocasia frydek)
อโลคาเซีย หรือ บอนกระดาด (Alocasia Ear Elephant) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Alocasia indica Schott เป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี จัดอยู่ในวงศ์ Araceae มีถิ่นกำเนิดในประเทศเขตร้อน โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ มาเลเซีย พม่า และไทย พบมากในที่ชื้น มีแดดรำไร และใกล้แหล่งน้ำ ลักษณะต้นอโลคาเซียจะมีเหง้าใต้ดิน ลำต้นตั้งตรงความสูงประมาณ 1-2 เมตร เกิดจากการซ้อนกันของกาบใบ นอกจากนี้ยังมีใบที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ โดยมีใบแคบทรงไข่แกมรูปหัวใจ ดูคล้ายหอก ปลายแหลมโคนเว้าลึก แผ่นใบเรียบ เป็นมัน ขอบใบมีทั้งแบบเรียบและหยักเป็นคลื่นขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ เห็นเส้นใบชัดเจน ก้านใบใหญ่และยาวได้ถึง 1-1.5 เมตร มีออกดอกตามปลายยอดคล้ายดอกหน้าวัว และผลกลมสีเขียว ขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร เมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีส้มแดง ราคาของเหง้าอโลคาเซียประมาณ 30-50 ต่อหัว
แต่เนื่องจากต้นอโลคาเซีย มีลักษณะคล้ายต้นไม้ตระกูลโคโลคาเซีย (Colocasia) เช่น เผือกและบอน อาจทำให้หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นต้นไม้ชนิดเดียวกัน ซึ่งมีจุดสังเกตคือ ใบโคโลคาเซียจะมีปลายมน ใบแผ่กว้าง นอกจากนี้โคโลคาเซียมีแค่หัวใต้ดินแต่ไม่มีลำต้น
ประโยชน์อโลคาเซีย
นอกจากจะปลูกต้นอโลคาเซียไว้ประดับบ้าน แถมยังช่วยดูดซับความชื้นได้ดีแล้ว ส่วนต่าง ๆ ของต้นอโลคาเซีย ไม่ว่าจะเป็นราก เหง้า ไหล และใบ ต่างก็มีประโยชน์ทางยา สามารถใช้เป็นยาระบาย ช่วยแก้ท้องผูก ห้ามเลือด และขับพยาธิได้อีกด้วย
แต่อย่างไรก็ดีต้นอโลคาเซียมีสารแคลเซียมออกซาเลต (Calcium Oxalate) หากสัมผัสหรือเข้าสู่ร่ากายอาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง เช่น ผื่นคัน ผิวหนังบวมแดง ไม่ควรปลูกในบ้านที่มีเด็กหรือสัตว์เลี้ยง
ต้นอโลคาเซีย นิยมขยายพันธุ์ด้วยการแยกหน่อ เพราะทำง่ายและใช้เวลาสั้นกว่าการเพาะเมล็ด โดยปลูกได้ทั้งดินเหนียวและดินร่วนผสมวัสดุปลูก เช่น หินภูเขาไฟ และเนื่องจากเป็นไม้ประดับชอบความชื้นสูง ดังนั้นควรหมั่นรดน้ำให้ดินชุ่มแต่ไม่แฉะ อย่างน้อย 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน และลดการรดน้ำในช่วงหน้าฝนและหน้าหนาว ปลูกได้ทั้งในที่มีแดดโดยตรง แดดรำไร และในร่ม ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของอโลคาเซีย
วิธีดูแลอโลคาเซีย
อโลคาเซียจะโตไวและใบสวยหากปลูกในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และดูแลอย่างถูกต้อง โดยควรระวังไม่ให้ดินแห้ง ใส่ปุ๋ยบำรุงอยู่เสมอ 2-3 เดือนต่อครั้ง และไม่โดนแดดจัดนานเกินไปหรือขาดแสงแดด เพราะอาจจะทำให้ใบร่วงหรือใบเหลืองได้ นอกจากนี้ควรเปลี่ยนกระถางให้เหมาะกับขนาดต้น เพื่อไม่ให้รากขดแน่นจนเกินไป นอกจากนี้หากไม่อยากให้มีแมลงมารบกวน เช่น เพลี้ยแป้ง เพลี้ยอ่อน ไรแดง ให้ฉีดพ่นรอบ ๆ ต้นด้วยน้ำสบู่หรือน้ำมันสะเดาก็จะช่วยป้องกันศัตรูเหล่านี้ได้พร้อมกำจัดฝุ่นไปในตัว